 ‘ปราโบโว ซูเบียนโต’ ประกาศชัยชนะเป็นว่าที่ ‘ปธน.อินโดนีเซีย’ คนใหม่ หลังกวาดคะแนนเสียงเกินครึ่ง
|
15 กุมภาพันธ์ 2567 : ปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย ประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซียเมื่อวันพุธ (14 ก.พ.) หลังผลการนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการพบว่าเจ้าตัวกวาดคะแนนเสียงได้เกินครึ่ง เอาชนะคู่แข่งอีก 2 คนไปแบบขาดลอย ในการลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำแดนอิเหนาครั้งที่ 3
ผลการนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการโดยโพลอิสระ 4 สำนัก พบว่า ปราโบโว ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษ และอดีตลูกเขยของนายพลซูฮาร์โต ได้รับคะแนนโหวตมากถึง 58% หรือเกิน 2 เท่าของคะแนนเสียงที่ อานีส บาสเวดัน (Anies Baswedan) อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาซึ่งเป็นคู่แข่งที่ได้คะแนนรองลงมาสามารถทำได้
สำหรับผลการนับคะแนนเบื้องต้นโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งผ่านไป 18% บ่งบอกตรงกันว่า ปราโบโว โจมตีคู่แข่งอีก 2 รายพ่ายแพ้ไปแบบไม่เห็นฝุ่น และคาดว่าจะก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ผู้นำประเทศได้โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งรอบสอง
“ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะสำหรับชาวอินโดนีเซียทุกๆ คน” ปราโบโว กล่าวสุนทรพจน์ที่สนามกีฬาแห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องจากบรรดาผู้สนับสนุน
“เราจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ประกอบไปด้วยลูกชายและลูกสาวที่ดีที่สุดของอินโดนีเซีย”
สำหรับผู้สมัครอีก 2 ราย คือ อานีส บาสเวดัน อดีตผู้ว่าฯ จาร์กาตา และกันจาร์ ปราโนโว (Ganjar Pranowo) อดีตผู้ว่าการจังหวัดชวากลาง ได้คะแนนเสียงราว 25% และ 17% ตามลำดับ จากการนับคะแนนแบบเร็วๆ ของโพลทั้ง 4 สำนัก ซึ่งจากศึกเลือกตั้งที่ผ่านๆ มาพบว่าค่อนข้างแม่นยำ
ปราโบโว นั้นได้รับการสนับสนุนแบบกลายๆ จากประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ซึ่งใช้ตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการหนุนหลังอดีตคู่แข่งเพื่อปูทางส่งมอบอำนาจต่อให้กีบราน รากาบูมิง รากา (Gibran Rakabuming Raka) บุตรชายคนโตวัย 36 ปี ของตนเอง ซึ่งลงสมัครชิงรองประธานาธิบดีคู่กับ ปราโบโว ในครั้งนี้
ผู้สมัครประธานาธิบดีที่จะชนะขาดนั้นต้องได้คะแนนโหวตเกิน 50% ขึ้นไป และจะต้องได้คะแนนอย่างน้อย 20% ในครึ่งหนึ่งของจำนวนจังหวัดทั้งหมดของอินโดนีเซีย
อานีส ระบุว่าเขาพร้อมจะยอมรับผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะประกาศอย่างช้าที่สุดในวันที่ 20 มี.ค. พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดัน “ขบวนการสร้างความเปลี่ยนแปลง” ต่อไป
ก่อนหน้านี้ ทีมหาเสียงของ กันจาร์ และ อานีส ต่างออกมาบอกว่ากำลังตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง และอ้างว่ามีการ “ฉ้อโกงทางโครงสร้างอย่างเป็นระบบครั้งใหญ่” ทว่าสุดท้ายก็ไม่เคยเปิดเผยหลักฐานใดๆ ออกมา
ปราโบโว วัย 72 ปี พยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองจากนายพลผู้มีประวัติพัวพันการละเมิดสิทธิมนุษยชน กลายมาเป็น “คุณปู่ใจดี” ที่กระตือรือร้นและชอบออกลีลาท่าเต้นบนเวทีหาเสียง คลิปวิดีโอใน TikTok ที่เผยให้เห็น ปราโบโว ในมุมอ่อนโยนยังทำให้เขาได้ใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 204.8 ล้านคนในแดนอิเหนา
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มคะแนนนิยมให้ ปราโบโว ได้ไม่น้อยก็คือท่าทีสนับสนุนจากประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าจะช่วยให้ วิโดโด ที่กำลังจะพ้นตำแหน่งสามารถคงอิทธิพลทางการเมืองไว้ได้ต่อไป และยังเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของ วิโดโด ที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย และทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภูมิภาค |
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์ |
กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน
