header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

แผนเกณฑ์ทหารของรัฐบาลพม่า บ่งชี้กองทัพสูญเสียหนักในการต่อสู้กับฝ่ายต่อต้าน

ASEAN News

18 กุมภาพันธ์ 2567 : แผนการเกณฑ์ทหารของพม่าเปิดเผยให้เห็นถึงความเสียหายอย่างหนักของกองกำลังทหารของตนเองจากการสู้รบต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนกับกลุ่มกบฏ และการดิ้นรนของนายพลในการเสริมกำลังพล นักวิเคราะห์ นักการทูต และผู้แปรพักตร์ กล่าว

แผนเกณฑ์ทหารที่ประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลทหารเสียการควบคุมพื้นที่ตามแนวหน้าที่ทอดยาวตั้งแต่ที่ราบสูงที่มีพรมแดนติดกับจีนไปจนถึงแนวชายฝั่งใกล้บังกลาเทศ ซึ่งบางส่วนเป็นการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เริ่มขึ้นในเดือน ต.ค. หรือที่เรียกว่าปฏิบัติการ 1027

“เห็นได้ชัดว่ากองทัพกำลังเผชิญกับการขาดแคลนกำลังพลอย่างมีนัยสำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมกองทัพจึงนำร่างกฎหมายนี้ออกมาบังคับใช้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ” ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านพม่า ของ Crisis Group กล่าว

โฆษกรัฐบาลทหารไม่ได้ตอบสนองการติดต่อของรอยเตอร์ที่ต้องการขอความคิดเห็น กองทัพกำลังต่อสู้กับกลุ่มต่อต้านติดอาวุธที่ขยายตัวมากขึ้นนับตั้งแต่รัฐประหารปี 2564 ที่โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจี และรัฐบาลทหารระบุว่า นักสู้ของฝ่ายต่อต้านเป็นผู้ก่อการร้าย และกล่าวโทษพวกเขาว่าเป็นผู้ที่ทำลายความสงบสุขและเสถียรภาพของพม่า

แผนการเกณฑ์ทหารที่จะเริ่มในเดือน เม.ย. จะกำหนดให้ผู้ชายทุกคนที่มีอายุ 18-35 ปี และผู้หญิงอายุ 18-27 ปี ต้องเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ เช่น แพทย์ ที่มีอายุไม่เกิน 45 ปี จะต้องรับราชการทหารเป็นเวลา 3 ปี สื่อของรัฐระบุ

เย เมียว เฮง ที่ปรึกษาอาวุโสของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ ประเมินว่ากองพันทหารส่วนใหญ่กำลังดิ้นรนอย่างหนักในการหากำลังพลให้ได้ครึ่งหนึ่งของกองกำลังที่แนะนำที่ 200 นาย

“จำนวนทหารเกณฑ์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน นอกจากนี้ การเสียเจ้าหน้าที่ ที่รวมถึงนายพลจัตวายังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย เนื่องจากขนาดกองพันลดลงและทหารประจำการลดลง ” ฮอร์ซีย์ กล่าวกับรอยเตอร์

เมื่อปีที่ผ่านมา เย เมียว เฮง ประเมินว่ากองทัพพม่ามีทนายประมาณ 70,000 นาย โดยอ้างการสัมภาษณ์ผู้หลบหนีและผู้แปรพักตร์ การวิเคราะห์เอกสารทางทหารและจำนวนผู้เสียชีวิต

 

แอนโทนี เดวิส นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของ Jane’s บริษัทข่าวกรองในอังกฤษ ประเมินว่ากองกำลังของกองทัพชาติพันธุ์อยู่ที่ประมาณ 75,000 คนในปี 2564

ขนาดของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารในปัจจุบันมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นเนื่องจากมีกลุ่มต่อต้านเกิดขึ้นมากขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ นักวิเคราะห์ระบุ

กองทัพพม่าไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะถึงขนาดของกำลังพลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์ที่เคยทำงานในกองทัพสหรัฐฯ กล่าวว่าการแปรพักตร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากการสัมภาษณ์ผู้บังคับกองทัพทหารและทหารที่ละหน้าที่

“กองกำลังทหารของพม่าเหนื่อยล้าและเสียขวัญ” มีมี วินน์ เบิร์ด กล่าว พร้อมเสริมว่าเสบียงพื้นฐาน เช่น อาหารและอุปกรณ์มีไม่เพียงพอ

เต๊ต มัต อดีตนายทหารยศร้อยเอกที่แปรพักตร์ในเดือน มิ.ย.2564 และตอนนี้ช่วยเหลือทหารคนอื่นๆ แปรพักตร์ กล่าวกับรอยเตอร์เมื่อเดือน ธ.ค. ว่า กองพันบางกองมีทหารเหลือเพียง 130 นาย เต๊ต มัต กล่าวว่าเขาแปรพักตร์เพราะเขาต่อต้านการรัฐประหารปี 2564

การพ่ายแพ้ในสนามรบของกองทัพนำไปสู่การเรียกร้องของสาธารณชนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ให้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกจากตำแหน่ง 3 ปี หลังรัฐบาลทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน

แม้จะมีการบังคับเกณฑ์ทหาร แต่กองทัพก็อาจไม่สามารถเพิ่มกำลังพลได้อย่างรวดเร็ว ฮอร์ซีย์จาก Crisis Group กล่าว

จากกำลังพลในปัจจุบัน กองทัพไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านจากหลายแนวรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามการวิเคราะห์เมื่อเดือน ธ.ค. ของแอนดรูว์ เซลธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากสถาบันกริฟฟิธ เอเชีย

“เหล่านายพลรู้ว่ากำลังพลของพวกเขาเบาบางลงเพียงใด และยากลำบากเพียงใดในการต่อสู้หลายแนวรบในเวลาเดียวกัน” เซลธ์ ที่ศึกษาด้านพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ กล่าว

“การใช้กำลังทางอากาศ ยานเกราะ และปืนใหญ่ ทำให้รัฐบาลทหารได้เปรียบในบางประการ แต่ท้ายที่สุดแล้วมีเพียงกองกำลังภาคพื้นดินเท่านั้นที่สามารถยึดดินแดนกลับคืน และแสดงเจตจำนงเหนือประชาชนได้” เซลธ์ กล่าว

ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศที่กองทัพกำลังสู้รบกับกองทัพอาระกัน ทหารถูกขับออกจากเมืองอย่างน้อย 5 เมือง ตามการระบุของโฆษกของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์

ทั้งนี้ กองทัพไม่ได้แสดงความเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับการเสียดินแดน

“พวกเขาไม่สามารถส่งกำลังสำรองเข้าเสริมในการสู้รบในรัฐยะไข่ได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขามีกำลังไม่เพียงพอ” โฆษกของกองทัพอาระกันกล่าวกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์.

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน