header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

ซูจี’ ปรากฏตัวครั้งแรก-ลั่น NLD คงอยู่คู่ประชาชน

ASEAN News

25 พฤษภาคม 2564 : อองซานซูจี อดีตผู้นำในทางพฤตินัยของพม่า ปรากฏตัวในศาลแบบตัวจริงเสียงจริงเป็นครั้งแรกในวันจันทร์ (24 พ.ค.) นับตั้งแต่ถูกควบคุมตัวภายหลังรัฐบาลของเธอถูกกองทัพโค่นล้มเมื่อเกือบ 4 เดือนก่อน โดยประกาศว่าพรรคเอ็นแอลดีของเธอจะคงอยู่ตราบเท่าที่ประชาชนยังให้การสนับสนุน ทางด้านนักวิเคราะห์มองว่า การยอมให้ซูจีปรากฏตัวครั้งนี้ อาจบ่งชี้ว่าคณะปกครองทหารพม่ามีความมั่นใจในการควบคุมสถานการณ์มากขึ้น แม้ยังคงเผชิญการต่อต้านทั่วประเทศก็ตาม

การปรากฏตัวของเธอในศาลที่เมืองหลวงเนปิดอว์คราวนี้ เป็นไปตามกระบวนการที่เธอกำลังถูกฟ้องร้องในความผิดทางอาญาหลายๆ ข้อหา รวมทั้งการละเมิดกฎหมายความลับของรัฐด้วย แต่ปรากฏว่าศาลได้รีบสั่งเลื่อนการพิจารณาออกไปในทันที

กระนั้น ก่อนการพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้น ซูจีที่ดูแข็งแรงดีและยังดูมั่นใจอย่างมาก ได้รับอบนุญาตให้พบกับทีมทนายความของเธอแบบเจอตัวกันจริงๆ เป็นครั้งแรกเป็นเวลาประมาณ 30 นาที

ขิ่น หม่อง ซอ หัวหน้าทีมทนาย เผยว่า ซูจีพูดให้ฟังว่าไม่มีโอกาสแตะต้องเข้าถึงหนังสือพิมพ์เลยระหว่างที่ถูกควบคุมตัวนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ และรับรู้สถานการณ์ภายนอกแค่บางส่วนเท่านั้น

ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) และเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพวัย 75 ปีผู้นี้ ยังบอกอีกว่า ได้รับรู้ข้อมูลภายนอกต่อเมื่อตำรวจมาขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบางอย่าง แต่เธอไม่ได้เสนอความคิดเห็นใดๆ เนื่องจากรับรู้สถานการณ์ไม่ครบทุกด้าน

ซูจีถือเป็น 1 ในผู้ถูกจับกุมกว่า 4,000 คน นับจากการยึดอำนาจ โดยเธอนอกจากถูกตั้งข้อหาเรื่องการละเมิดกฎหมายความลับของรัฐ ยังมีข้อหาทางอาญาอื่นๆ เป็นต้นว่า ครอบครองวิทยุสื่อสารผิดกฎหมาย ซี่งรวมแล้วเธออาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 14 ปี

ทีมนักกฎหมายชุดนี้ยังได้พบวิน มิ้น อดีตประธานาธิบดีที่ถูกปลดและถูกจับกุมเช่นกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับคดีที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ผู้พิพากษาได้เลื่อนการพิจารณาทั้งคดีของวิน มิ้น และของซูจี ไปเป็นวันที่ 7 เดือนหน้า

ทางด้าน ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านพม่าของหน่วยงานคลังสมอง อินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป ระบุว่า ยากที่จะคาดเดาว่า ทำไมคณะปกครองทหารพม่าจึงอนุญาตให้ซูจีพบกับทีมทนายในตอนนี้ แต่อาจบ่งชี้ว่ากองทัพมีความมั่นใจมากขึ้น แม้วิกฤตการณ์และการต่อต้านยังดำเนินอยู่ก็ตาม

สำหรับคณะทนายเผยด้วยว่า ซูจีแสดงความหวังให้ประชาชนจะมีสุขภาพดี พร้อมประกาศว่า พรรคเอ็นแอลดีที่เติบโตมาพร้อมกับประชาชนจะคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ประชาชนยังให้การสนับสนุน

อย่างไรก็ดี วันศุกร์ (21) ที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งที่คณะปกครองทหารแต่งตั้งขึ้น กำลังเตรียมประกาศยุบพรรคเอ็นแอลดีเร็วๆ นี้ ด้วยข้อหาโกงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ถึงแม้คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดที่แล้ว ได้เคยตัดสินว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูล

สมาชิกคนหนึ่งของคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่เปิดเผยเรื่องนี้ ยังบอกว่า จะจัดการกับ “ผู้ทรยศ”

พม่าเข้าสู่กลียุคนับจากที่ทหารเข้ายึดอำนาจและมีการประท้วง เดินขบวน และนัดหยุดงานทั่วประเทศไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งคณะปกครองทหารตอบโต้ด้วยการปราบปรามอย่างรุนแรงโหดเหี้ยมจนผู้เสียชีวิตกว่า 800 คน ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอ

 

ภายหลังเข้ายึดอำนาจ กองทัพพม่าประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินนาน 1 ปี พร้อมให้สัญญาว่า หลังจากนั้น จะจัดการเลือกตั้งที่มีหลายพรรคการเมืองลงแข่งขัน แต่กลุ่มสมาชิกรัฐสภาที่ถูกปลด ซึ่งมีสมาชิกเอ็นแอลดีจำนวนมาก ได้รณรงค์จัดตั้งรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติขึ้นมา เสมือนเป็นรัฐบาลเงาเพื่อท้าทายและทำลายความชอบธรรมของคณะปกครองทหาร ทำให้ถูกฝ่ายทหารประกาศว่า เป็น “กลุ่มก่อการร้าย”

 

สัปดาห์ที่แล้ว พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการกองทัพพม่าซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ฟินิกส์ เทเลวิชันของฮ่องกง ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติครั้งแรกนับจากการยึดอำนาจ โดยบอกว่า ซูจีแข็งแรงดี และเมื่อถูกถามถึงความสำเร็จทางการเมืองของซูจี มิน อ่อง หล่ายตอบว่า “พูดโดยสรุป เธอได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้แล้ว” X ในการให้สัมภาษณ์นาน 2 ชั่วโมงที่ยังไม่ได้มีการนำออกอากาศทั้งหมด โดยมีการตัดทอนเนื้อหาออกเผยแพร่เพียงบางส่วน มิน อ่อง หล่าย อ้างว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงในการประท้วงคือราว 300 คน

 

ขณะเดียวกันยังมีตำรวจถูกสังหาร 47 คน เขาสำทับว่า ไม่พร้อมปฏิบัติตามฉันทามติของที่ประชุมสุดยอดสมาคมอาเซียนเมื่อเดือนที่แล้ว ในการระงับความรุนแรง การนองเลือดที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ขบวนการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าบางกลุ่ม รวมทั้งคณะรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ ประการก่อตั้ง “กองกำลังปกป้องประชาชน” (พีดีเอฟ) ในเมืองต่างๆ

 

โดยระบุว่าประกอบด้วยพลเรือนที่ออกมาตอบโต้กำลังตำรวจทหารด้วยอาวุธที่ทำขึ้นเอง ในวันอาทิตย์ (23) เกิดการต่อสู้ระหว่างกองทหารพม่ากับกองกำลังของพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี ซึ่งเป็นชาวชาติพันธุ์ติดอาวุธที่มีที่มั่นอยู่ในรัฐกะยา ทางตะวันออกของพม่า โดยกองทัพพม่าใช้ทั้งรถถัง ปืนใหญ่ และเฮลิคอปเตอร์ และการต่อสู้ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องในคืนวันอาทิตย์ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า กองทัพพม่าระดมยิงปืนใหญ่ใส่โบสถ์ที่ประชาชน 4 คนเข้าไปหลบภัย จนเสียชีวิตทั้งหมด

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เมเนเจอร์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน