header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

"บุนยัง วอละจิต"ผู้นำคนใหม่ของสปป.ลาว

ASEAN News

23 มกราคม 2559 : สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงเวียงจันทน์ สาธารรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ว่า การประชุมใหญ่ทุก 5 ปี ครั้งที่ 10 ของพรรคประชาชนปฏิวัติ หรือพรรคคอมมิวนิสต์ลาว ที่กรุงเวียงจันทน์ เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายปิดฉากการประชุม คณะกรรมการกลางพรรคฯ 77 คนลงมติเลือก พ.อ.บุนยัง วอละจิต วัย 78 ปี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานประเทศ (รองประธานาธิบดี) ให้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศคนใหม่ สืบต่อจาก พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน วัย 79 ปี ที่ควบตำแหน่งประธานประเทศ และเลขาธิการพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549

สำนักข่าวเคพีแอลของทางการลาว ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการกลางพรรคประชาชนปฏิวัติชุดใหม่ทั้งหมด แต่การหายไปของกรรมการประจำกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร 4 คน ประกอบด้วย พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน นายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีวัย 71 ปี และรองนายกรัฐมนตรีอีก 2 คน ระหว่างการลงคะแนนเลือกผุ้นำประเทศชุดใหม่ ส่งสัญญาณว่าทั้ง 4 คนอาจพ้นจากวงจรผู้นำการเมืองของประเทศแล้ว

พ.อ.บุนยัง วอละจิต เกิดเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2480 เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ระหว่าง พ.ศ. 2539 - 2544 และนายกรัฐมนตรีระหว่าง พ.ศ. 2545 - 2549

 

การคัดเลือก พ.อ.บุนยังให้ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดคนใหม่ของประเทศ เป็นไปตามความคาดหมายของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ นายบุนยังมีชื่ออยู่ในลำดับที่ 1 ของคณะกรรมการกลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวชุดใหม่ 77 คน ที่ประกาศในวันศุกร์ ซึ่ง 39 คนในจำนวนนี้ได้รับการเลือกให้ดำรงตำแหน่งใหม่ ส่วนรายชื่อลำดับที่ 2 คือ นางปาณี ยาท่อตู้ ประธานสภาแห่งชาติ และอดีตผู้ว่าการธนาคารกลาง ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่บ่งชี้ว่า เธออาจได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาล ไม่มีกำหนดการประกาศ ระหว่างการประชุมใหญ่ครั้งนี้ /มาร์ติน สจ๊วร์ต-ฟ็อกซ์ ผู้เชี่ยวชาญลาว และอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ในออสเตรเลีย กล่าวว่า การแต่งตั้งที่โดดเด่นน่าจับตามองที่สุด ระหว่างการประชุมครั้งนี้ คือนางปาณี ซึ่งขณะนี้เธอเป็นบุคคลที่มีอำนาจอิทธิพลมากใน สปป.ลาว

ลาวมีความสัมพันธ์ทางการเมืองใกล้ชิดกับเวียดนาม มีระบบการเมืองแบบเดียวกัน และต่างก็จัดประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ทุก 5 ปีพร้อมกันในสัปดาห์นี้ ขณะที่จีนพี่เบิ้มคอมมิวนิสต์ พยายามอย่างหนักที่จะแผ่อิทธิพลต่อลาว ด้วยการให้ความช่วยเหลือ ให้เงินกู้ ทุนการศึกษา และเข้าไปลงทุนในลาว ประเทศเศรษฐกิจขนาด 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เล็กกว่าจีน 862 เท่า

แต่เศรษฐกิจลาวกำลังเฟื่องฟู ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อัตราเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยปีละ 7.8 % นับตั้งแต่ปี 2554 โดยแรงขับเคลื่อนหลักจากการลงทุน เหมืองแร่ และการขายกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำ ส่วนใหญ่ขายให้ไทย ปัจจัยเหล่านี้ช่วยกระตุ้นรายได้ของประชาชน และสามารถเข้าถึงไฟฟ้า การสื่อสารโทรคมนาคม และสาธารณสุข สำหรับประชาชนทั้งประเทศ 6.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามท้องถิ่นชนบท.

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิวส์

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน