header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

"แบงคอก ชัทดาวน์" ประเด็นร้อนระดับโลก

ASEAN News

14 มกราคม 2557 : สำนักข่าวต่างประเทศชั้นนำระดับโลกทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นซีเอ็นเอ็น บีบีซี รอยเตอร์ส เอพี และเอเอฟพี ยังคงนำเสนอรายงานเกาะติดสถานการณ์ชุมนุม "ปิดกรุงเทพฯ" หรือ "แบงคอก ชัทดาวน์" ที่เริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 13 ม.ค. เพื่อขับไล่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ออกไปก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยประเมินจำนวนผู้เข้าร่วมเดินขบวนปิดถนนสายสำคัญ และสถานที่ราชการในเมืองหลวงของไทย ว่าอยู่ที่ราว 170,000 คน ในจำนวนนี้ 60,000 คนพักค้างคืนตามท้องถนน

ขณะที่ภาพรวมของการชุมนุมในวันแรกเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการสัญจรตามท้องถนนไปใช้บริการขนส่งสาธารณะแทน อาทิ รถไฟฟ้า ส่วนสถาบันการศึกษาแทบทุกแห่งยังคงระงับการเรียนการสอน อย่างไรก็ตาม ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และร้านค้าทุกแห่งซึ่งตั้งอยู่ตามแนวถนนที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดการจราจรยังเปิดให้บริการตามปกติ แต่มีการปรับเปลี่ยนเวลาทำการให้ปิดเร็วขึ้น

 

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวปลุกเร้าให้ผู้เข้าร่วมยกขบวนไปปิดล้อมกระทรวงและสถานที่ราชการทุกวัน จนกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะลาออก ซึ่งผลการกดดันด้วยพลังของประชาชนเมื่อวันจันทร์ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องปิดทำการในช่วงครึ่งวันหลัง ท่ามกลางความหวั่นเกรงว่า ตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานวิทยุการบินจะเป็นเป้าหมายรายต่อไป

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยื่นข้อเสนอเจรจาเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นเดือนพ.ค.ในวันพุธนี้ ซึ่งแน่นอนว่าได้รับการปฏิเสธจากนายสุเทพ ซึ่งยืนยันว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันต้องลาออก และเปิดทางให้ "สภาประชาชน" เข้ามาปฏิรูปประเทศ เพื่อขจัด "ระบอบทักษิณ" ให้หมดไป

ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐหยิบยกสถานการณ์ความไม่สงบในไทยขึ้นมาเป็นหัวข้อสำคัญในการแถลงประจำวัน โดยนางสาวมารี อาร์ฟ โฆษกหญิงของกระทรวง กล่าวว่าสหรัฐสนับสนุนวิถีทางในแบบประชาธิปไตย เพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง พร้อมกับขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อกัน อย่างไรก็ตาม วอชิงตันยังไม่เล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องยกระดับเตือนภัยการเดินทางในเวลานี้ เว้นเสียแต่การออกประกาศเตือนให้พลเมืองอเมริกันหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สถานที่ชุมนุมเท่านั้น

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิวส์ .    

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน