ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)
|
 |
13 พฤศจิกายน 2558 : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่า ศาลกัมพูชาในกรุงพนมเปญมีคำสั่งเมื่อวันศุกร์ ให้จับกุมนายสม รังสี ผู้นำพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ฝ่ายค้านหลัก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และกำหนดเดินทางกลับประเทศในวันที่ 16 พ.ย. คำสั่งจับกุมของศาลเกี่ยวพันกับคดีหมิ่นประมาทและปลุกระดม ที่นายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ยื่นฟ้องนายสม เมื่อปี 2551 หลังจากนายสมกล่าวปราศรัยกล่าวหานายฮอร์ ว่าสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มเขมรแดง ขณะที่นายฮอร์ตกเป็นนักโทษของเขมรแดง คดีนี้ศาลแขวงพนมเปญมีคำตัดสินให้ลงโทษจำคุกนายสมเป็นเวลา 2 ปี นายสมยื่นอุทธรณ์แต่แพ้อีกในปี 2556 แต่นายสมไม่เคยได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาล และเขายังคงใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีในกัมพูชา และดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคซีเอ็นอาร์พี ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันระหว่างพรรคสมรังสีของนายสม กับพรรคสิทธิมนุษยชน (เอชอาร์พี) ของนายเกิม สุขา เมื่อเดือน ก.ค. 2555 ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นหลังจาก นายการ์ สาวุธ ทนายความของนายฮอร์ นัมฮง ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงพนมเปญ เพื่อให้ศาลสั่งลงโทษจำคุกนายสมตามคำพิพากษา และศาลได้อนุญาตตามคำร้อง โดยออกหมายจับกุมพร้อมกับคำสั่งให้ "เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงาน ค้นหาและจับกุมตัวนายสม" อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า นายสม รังสี จะถูกจับกุมได้หรือไม่ เนื่องจากมีเอกสิทธิคุ้มกัน ในฐานะสมาชิกรัฐสภา คำสั่งจับกุมของศาลก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเหตุจูงใจทางการเมือง เนื่องจากในช่วงหลังนายสมก่อวิวาทะดุเดือดกับสมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันพฤหัสบดี ฮุนเซน เรียกนายสมว่า "ไอ้ลูกคนทรยศ" หลังจากนายสมกล่าวให้สัมภาษณ์ที่กรุงโตเกียว ว่า ชัยชนะการเลือกตั้งในเมียนมาของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน ถือเป็นลางหายนะของฮุนเซน "ผมไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เพราะโดนดูหมิ่นจากไอ้ลูกคนทรยศ" ฮุนเซนเขียนลงในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว หนังสือพิมพ์แคมโบเดีย เดลี่ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของ นายเอ็ง เชย เอี้ยง ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ว่า การออกหมายจับกุมมีเป้าหมายเพื่อพยายามทำให้นายสมลี้ภัยอยู่ต่างแดน ซึ่งจะทำให้พรรคซีเอ็นอาร์พีขาดหัวหน้า ก่อนถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2560 และการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561 นายเอ็งยังตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงไม่มีการร้องขอให้ศาลบังคับใช้การลงโทษ ตอนที่นายสมเดินทางกลับประเทศครั้งแรกเมื่อปี 2556 หลังจากลี้ภัยตนเองในต่างแดนเกือบ 5 ปี. |
|
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิวส์ |
