header-photo
 

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)

 

ประวัติของ 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย

ASEAN News

8 กรกฏาคม 2557 : นายโจโค วิโดโดมีชื่อเล่นว่า โจโควีเป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมจากประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ทั้งในชนบทและในเมืองซึ่งมองเขาว่าเป็นนักการเมืองมือสะอาดในประเทศที่รุมเร้าด้วยปัญหาคอร์รัปชั่นนายโจโควี เริ่มอาชีพการเมืองของเขากับพรรคพีดีไอพีเมื่อเขาได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองโซโลภาคกลางของเกาะชวา ในปี 2548จากนั้น ในปี 2553เขาก็ได้รับเลือกในตำแหน่งเดิมเป็นสมัยที่2โดยได้คะแนนมากกว่าร้อยละ90เนื่องจากประชาชนสนับสนุนนโยบายของเขาซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจในท้องถิ่นเขาได้สร้างตลาดขายสิ้นค้าพื้นเมืองและย้ายคนยากจนที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม

นายวิโดโดลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาและชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นในปี2555เขาถูกมองว่าเป็นผู้ชายที่มีความสามารถทำให้คนยากจนเห็นอกเห็นใจและเทคะแนนให้เขากล่าวระหว่างการโต้วาทีถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ว่าสำหรับตัวเขาแล้วประธานาธิบดีหมายความว่าต้องฟังเสียงประชาชนและทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการให้ทำนั่งคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงไปเยี่ยมหมู่บ้าน,ตลาด,พบปะประชาชนริมฝั่งแม่น้ำ,เกษตรกร และชาวประมงเพราะเขาต้องการฟังสิ่งที่ประชาชนต้องการ

 

อย่างไรก็ตามมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาขาดประสบการในการเมืองระดับชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนักวิเคราะห์ชี้ด้วยว่าเนื่องจากพันธมิตรของเขามีที่นั่งในรัฐสภาเพียงร้อยละ 37เท่านั้น นายวิโดโดอาจต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการผลักดันนโยบายให้ประสบความสำเร็จหากได้รับการเลือกตั้ง /ส่วนนายจูซุฟ คัลลาผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของนายวิโดโดเป็นนักการเมืองอาวุโสซึ่งเคยรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีในรัฐบาลของประธานาธิบดียูโดโยโนจากปี 2547-2552 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานกาชาดอินโดนีเซีย

ขณะที่ พลโทปราโบโวซูเบียนโต อดีตผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการพิเศษและเป็นลูกเขยของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตจอมเผด็จการผู้ล่วงลับเคยถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนในสมัยซูฮาร์โตเขาเป็นลูกชายของรัฐมนตรีการค้าในยุคซูฮาร์โตและถือว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางการเมืองและกองทัพด้วยในช่วงที่เป็นวัยรุ่นเขาได้เข้าเป็นทหารในกองทัและเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนได้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการพิเศษในติมอร์ตะวันออกในช่วงศตวรรษที่ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความขัดแย้งนองเลือดกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

ในปลายรัฐบาลของซูฮาร์โตปี 2540และ 2541กองกำลังปฏิบัติการพิเศษที่เขาควบคุมอยู่ถูกกล่าวหาว่า ลักพาตัว,ทรมานและฆ่านักเคลื่อนไหวที่ชุมนุมประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตเขายังถูกกล่าวหาด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยั่วยุให้เกิดเหตุจลาจลนองเลือดในกรุงจาการ์ตาเดือนพฤษภาคม 2541ซึ่งเป็นปีที่รัฐบาลซูฮาร์โตล่มสลายแต่เขาปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศหลายปีซูเบียนโตก็กลับเข้าสู่การเมืองอินโดนีเซียอีกครั้งในปี2552เขาจัดตั้งพรรคเกรตอินโดนีเซีย มูฟเมนท์ ปาร์ตีและลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับนางเมกาวาตีซูการ์โนปุตรี ในปี 2552แต่ทีมของเขาแพ้เลือกตั้ง /การเลือกตั้งครั้งนี้เขาลงสมัครคู่กับนายฮัตตาราจาซา อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจในรัฐบาลของนายยูโดโยโน

แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิวส์ .    

กลับหน้าหลัก ข่าวสารอาเซียน